ดอกคาร์เนชั่น
(Carnation, Dianthus caruyophyllus)
คาร์เนชั่นเป็นไม้ตัดดอกยอดนิยมชนิดหนึ่ง มีทั้งชนิดดอกเดี่ยว แบบสแตนดาร์ด
และดอกช่อ แบบสเปรย์ มีหลายพันธุ์ ดอกหลากสี ทั้งสีขาว สีเหลือง สีชมพู สีส้ม
สีแดง และม่วง บางพันธุ์ก็มีสีมากกว่าหนึ่งสีในดอกเดียวกัน และบางพันธุ์ยังมีกลิ่น
หอมอีกด้วย ถึงแม้คาร์เนชั่นจะมีกลีบดอกแบบบางแต่บานทน สามารถปลูกเป็น
ไม้ตัดดอกได้ดีในที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ได้ดอกตลอดปี และเป็นดอกที่มีคุณภาพดี

คาร์เนชั่นเป็นไม้ตัดดอกยอดนิยมชนิดหนึ่ง มีทั้งชนิดดอกเดี่ยว แบบสแตนดาร์ด
และดอกช่อ แบบสเปรย์ มีหลายพันธุ์ ดอกหลากสี ทั้งสีขาว สีเหลือง สีชมพู สีส้ม
สีแดง และม่วง บางพันธุ์ก็มีสีมากกว่าหนึ่งสีในดอกเดียวกัน และบางพันธุ์ยังมีกลิ่น
หอมอีกด้วย ถึงแม้คาร์เนชั่นจะมีกลีบดอกแบบบางแต่บานทน สามารถปลูกเป็น
ไม้ตัดดอกได้ดีในที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ได้ดอกตลอดปี และเป็นดอกที่มีคุณภาพดี
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dianthus caryophyllus
วงศ์ : Caryophyllaceae
ชื่อสามัญ : Carnation
ชื่ออื่น ๆ : คาร์เนชั่น
คาร์เนชั่นมีถิ่นกำเนิดในยุโรปตอนใต้ คาร์เนชั่นที่นำเข้าส่วนใหญ่ปลูกในเรือนกระจก
ทั้งสิ้น ใช้ทำเป็นไม้ตัดดอกได้เป็นอย่างดี ให้จำนวนดอกต่อต้นนับเป็นที่ 2 รองจากกุหลาบ
การปลูกคาร์เนชั่นแต่ละครั้งอาจจะอยู่ได้เพียงฤดูเดียวหรือหลายฤดูก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
สถานที่และการปลูกปฏิบัติรักษา บางแห่งอาจจะปลูกได้เพียงฤดูเดียว บางแห่งอาจจะ
ปลูกแล้วเก็บเกี่ยวได้นานถึง 2 -3 ปี ซึ่งตามปกติแล้วเป็นการปลูกคาร์เนชั่นในเรือนกระจก
ทั้งสิ้น ใช้ทำเป็นไม้ตัดดอกได้เป็นอย่างดี ให้จำนวนดอกต่อต้นนับเป็นที่ 2 รองจากกุหลาบ
การปลูกคาร์เนชั่นแต่ละครั้งอาจจะอยู่ได้เพียงฤดูเดียวหรือหลายฤดูก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
สถานที่และการปลูกปฏิบัติรักษา บางแห่งอาจจะปลูกได้เพียงฤดูเดียว บางแห่งอาจจะ
ปลูกแล้วเก็บเกี่ยวได้นานถึง 2 -3 ปี ซึ่งตามปกติแล้วเป็นการปลูกคาร์เนชั่นในเรือนกระจก
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ดอกล้มลุก ลำต้นแตกกิ่งก้าน ใบรูปแถบเรียวยาว สีเขียวเข้มอมฟ้า
โคนใบหุ้มข้อโป่งพองเล็กน้อย ดอกมีทั้งชนิดดอกเดี่ยวและดอกช่อ กลีบรองดอกสีเขียว
รูปถ้วย กลีบดอกซ้อนฟู ขอบกลีบหยักเป็นแฉก สีขาว ชมพู เหลือง ส้ม แดง และขลิบขอบ
สีต่างๆ ดอกมีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกชั้นเดียว ปลายกลีบดอกจะมีลักษณะหยัก ๆ คล้าย
ฟันเลื่อย กลีบหุ้มดอก มีลักษณะรวมติดกันเป็นกรวยหุ้มกลีบดอกไว้ ดอกมีขนาดตั้งแต่
1.5 - 3 นิ้ว สีของดอกมีหลายสี คือ ขาว แดง แดงอมอม่วง และอาจจะมี 2 สีในดอกเดียวกัน
การปลูกและการดูแลรักษาโคนใบหุ้มข้อโป่งพองเล็กน้อย ดอกมีทั้งชนิดดอกเดี่ยวและดอกช่อ กลีบรองดอกสีเขียว
รูปถ้วย กลีบดอกซ้อนฟู ขอบกลีบหยักเป็นแฉก สีขาว ชมพู เหลือง ส้ม แดง และขลิบขอบ
สีต่างๆ ดอกมีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกชั้นเดียว ปลายกลีบดอกจะมีลักษณะหยัก ๆ คล้าย
ฟันเลื่อย กลีบหุ้มดอก มีลักษณะรวมติดกันเป็นกรวยหุ้มกลีบดอกไว้ ดอกมีขนาดตั้งแต่
1.5 - 3 นิ้ว สีของดอกมีหลายสี คือ ขาว แดง แดงอมอม่วง และอาจจะมี 2 สีในดอกเดียวกัน
คือทั้งผลผลิตและคุณภาพของดอก ที่อุณหภูมิกลางคืน 50องศาฟาเรนไฮต์ และอุณหภูมิกลางวัน 55 องศาฟาเรนไฮต์ พื้นที่ที่เหมาะสมน่าจะเป็นบริเวณภาคเหนือ หรือ จังหวัดนครราชสีมา
การขยายพันธุ์
โดยทั่วไปวิธีการขยายพันธุ์จะนิยมทำกัน 3 วิธี คือ
2. การใช้กิ่งปักชำ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมที่สุด
3. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
การเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษา
การเก็บเกี่ยว
ตัดเมื่อกลีบดอกชั้นนอกเริ่มตั้งฉากกับกลีบเลี้ยง เป็นระยะที่กลีบดอกชั้นนอกเริ่มบานแต่กลีบชั้นใน
เริ่มคลี่ ถ้ามีการใช้สารเคมี Bud opening อาจจะตัดในระยะ "Paint brush" ซึ่งเป็นระยะที่กลีบดอกชั้นนอกเริ่มคลี่ ในกรณีของคาร์เนชั่นชนิดดอกช่อ (spray cultivars) ให้ตัดเมื่อดอก
ย่อย 2 ดอกเริ่มบานและดอกที่เหลือเริ่มเห็นสี การตัดใช้มีดหรือกรรไกรคมๆ ตัด ควรหลีกเลี่ยง
การตัดดอกจากต้นที่เป็นโรคอย่างชัดเจน
การเก็บรักษาเริ่มคลี่ ถ้ามีการใช้สารเคมี Bud opening อาจจะตัดในระยะ "Paint brush" ซึ่งเป็นระยะที่กลีบดอกชั้นนอกเริ่มคลี่ ในกรณีของคาร์เนชั่นชนิดดอกช่อ (spray cultivars) ให้ตัดเมื่อดอก
ย่อย 2 ดอกเริ่มบานและดอกที่เหลือเริ่มเห็นสี การตัดใช้มีดหรือกรรไกรคมๆ ตัด ควรหลีกเลี่ยง
การตัดดอกจากต้นที่เป็นโรคอย่างชัดเจน
อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเก็บรักษาดอกคาร์เนชั่น ที่ยังไม่บานเต็มที่ คือ -0.5 - 0 องศาเซลเซียส โดยเก็บรักษาในสภาพแห้ง (Dry storage) ได้นาน 3-4 สัปดาห์ดอกที่บานเต็มที่อาจจะเก็บ
รักษาที่อุณหภูมิ 3-4 องศาเซลเซียส ในสภาพที่แช่ในสารเคมี ซึ่งจะเก็บรักษาได้นาน 2 สัปดาห์